ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์
อดีตผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
(ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 15 กรกฎาคม 2558 – 14 กรกฎาคม 2566)
โลกธุรกิจนั้น ผู้ประกอบการหรือ The Founder ที่ตัดสินใจก่อตั้งองค์กรของตนเอง เสมือนดั่งปลาที่ต้องแหวกว่ายต่อสู้กับคลื่นลมและอุปสรรคต่างๆ ใน มหาสมุทร เพื่อความอยู่รอตและขยายอาณาจักรให้อยู่ ได้อย่างมั่นคง ขณะที่ภารกิจสําคัญประการหนึ่งของ NIA หรือ สํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ คือ ต้องสร้างการตระหนักรับรู้ด้านนวัตกรรมแก่สังคมโดยรวมและกลุ่มคนที่เป็นเป้าหมาย ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็น “ปลาใหญ่” อย่างองค์กรขนาดใหญ่ที่อยู่มายาวนาน หรือ “ปลาเล็ก” อย่างกลุ่มสตาร์ทอัพที่ต้องสามารถปรับเปลี่ยนตนเองได้ด้วยโมเดลธุรกิจ ใหม่ๆ เพื่อสามารถอยู่ในวงจรเศรษฐกิจและสังคมได้
ผมคิดว่าคนที่เราเรียกว่าผู้ก่อตั้งธุรกิจนวัตกรรม หรือ “The Founder” คือผู้ที่กล้าเสี่ยง และเป็นคนที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พวกเขาคือ นวัตกรผู้สร้างนวัตกรรม นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำ ให้เกิดหนังสือเล่มนี้ขึ้น
NIA ทําหน้าที่ค้นหา The Founder ไม่ว่าจะภาคส่วนใด เพื่อบันทึกเรื่องราวของผู้ริเริ่ม บุกเบิก ก่อตั้งและวางรากฐานให้องค์กรหรือทายาท เพื่อให้เห็นเส้นทางและบริบทขององค์กร ตั้งแต่พลัง ความเชื่อ และความมุมานะพยายาม เพื่อนําพาองค์กรไปสู่ทิศทางและการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เติบโตสอดรับกับโลกธุรกิจที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
อีกทั้งสังคมไทยยังเห็นเรื่องการสื่อสารทางนวัตกรรม จํากัดเพียงเรื่องของเทคโนโลยี งานวิจัยหรือผลิตภัณฑ์ ใหม่ๆ ทั้งที่จริงแล้วนวัตกรรมยังมีความหมายมากกว่านั้น สิ่งที่ขาดหายไปของคําว่านวัตกรรม คือ คนหรือกลุ่มคน ที่เป็น “ต้นกําเนิด” ของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่นําไปสู่นวัตกรรม พวกเขาคือ “นวัตกรผู้สร้างนวัตกรรม” ซึ่งเป็นจุดกําเนิดของหนังสือ The Founder การค้นหาที่เป็นต้นกําเนิดนวัตกรรมขององค์กร โดยดำเนินการมาเป็นเล่มที่ 3 แล้วและยังคงรังสรรค์ เพื่อนําเสนอมุมมองของบุคคลต้นแบบผู้ก่อตั้งธุรกิจนวัตกรรมในประเทศไทย ผ่านการสื่อสารด้วยเรื่องราวและองค์ความรู้สําคัญที่ทําให้องค์กรประสบความสําเร็จอันจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจกับคนไทยให้เกิดความตื่นตัวในการสร้างธุรกิจนวัตกรรม และทําให้นวัตกรรมเป็นอีกกลไกหนึ่งที่จะผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ประเทศนวัตกรรมที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป
เนื้อหาของหนังสือจะเน้นภาพที่แสดงให้เห็นอัตลักษณ์ ของ The Founder ว่าบุคคลที่เป็นต้นกําเนิดมีคาแรคเตอร์อย่างไร มีมติชีวิตที่เชื่อมโยงกับนวัตกรรมเช่นไร ใจความสําคัญจึงมิใช่เพียงอัตชีวประวัติ แต่เป็นการสื่อสารส่วนที่เป็นเรื่องของนวัตกรรม ซึ่งมีที่มาจากตัวบุคคลเป็นหลัก
หนังสือ The Founder เล่มแรกเป็นเรื่องของกลุ่มธุรกิจทั่วไปมีความหลากหลาย แต่เล่มสองเนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ฉะนั้นผู้ที่สามารถทําให้วิกฤติกลายเป็น โอกาสหรือสามารถทําให้องค์กรรอตได้ ก็จะมีความโดดเด่นในเล่มนี้ ซึ่งก็คือ Business Model Innovation ที่หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง ย่อมส่งผลกระทบได้ สุดท้าย Economic Crisis ทําให้ Social Distance กลายเป็น Economic Distancing เราจึงพยายามเลือกบุคคลให้ตรงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน เป็นการกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และความท้าทายที่ยังไม่จบ ซึ่งเราต้องตระหนักและรับรู้จากผู้ที่อยู่ในประสบการณ์จริงว่า “หากไม่ทํา ก็จะไม่รอด”
หนังสือ The Fourder II ออกมาในช่วงเวลาหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อความสําคัญอย่างยิ่งคือ การสร้างแรงบันดาลใจ จึงจัดทําขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับธีม Innovation in Time of Crisis
- Pandemic ผู้ก่อตั้งองค์กรที่สามารถปรับตัวได้ดีในช่วงวิกฤติโควิด 19
- Climate Change ผู้ก่อตั้งองค์กรที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
- Economic Crisis ผู้ก่อตั้งองค์กรที่มีแนวทางการดําเนินงานสอดคล้องกับบริบทของเศรษฐกิจโลกยุคใหม่
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติคาดหวังว่า The Founder II จะมีส่วนช่วยสร้างสังคมนวัตกรรมได้ เนื่องจากเมื่อพูดถึงคนจะเป็นเรื่องของกระบวนการคิด ซึ่งหาก NIA ไม่ทํา สังคมนวัตกรรมในประเทศก็จะไม่มีกรณีศึกษาของไทย จะมีแต่ตําราตะวันตก หรืออาจจะมีคําถามว่า สาย Art เป็นนวัตกรรมตรงไหน ซึ่งหากพิจารณาบริบทของโลก จะเห็นว่าโลกใต้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ฉะนั้นจึงขึ้นกับการใช้นิยามและวิธีคิตเช่นไร หนังสือ The Founder II จึงมิใช่เป็นความอยู่รอดของธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการดูแลสังคม ดูแลคนที่ไม่ได้มีโอกาสเท่ากับอีกหลายๆ คน ด้วยประโยชน์ ที่ผู้อ่านจะได้รับเป็นเรื่องของการสร้างบุคคลต้นแบบ ซึ่งนอกจากเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจแล้ว ภาพถ่ายจะช่วยสร้างพลังและสร้างการจดจำ นี่คือสิ่งที่เราอยาก สื่อสารออกไปจากหนังสือเล่มนี้
ผมหวังว่าคนรุ่นใหม่ที่เข้าถึงข้อมูลชุดนี้จะสามารถเข้าใจได้ว่าเรื่องของ นวัตกรรม ไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวเกินไป อยู่ในเมืองไทยนี้เอง และสามารถนํามาใช้เป็นบุคคลต้นแบบได้
หนังสือThe Founder ได้ดำเนินมาถึงเล่ม 3 แล้ว ซึ่งเนื้อหายังคงอิงกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนโลกกับผู้ประกอบการไทยที่ให้ความสําคัญกับนวัตกรรมแบบ “GEEC Innovation” ในการฟันฝ่าธุรกิจของตัวเองผ่านช่วงเวลาแห่งการแปรผันไม่แน่นอนไปสู่ความสําเร็จที่น่าชื่นชม โดยแบ่งกลุ่มตามลักษณะเฉพาะทางธุรกิจเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
- G-Growth Hacking กลุ่มธุรกิจที่คิดนอกกรอบ มองหาวิธีปรับปรุงอยู่เสมอ เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ลองใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ หรือเปลี่ยนแปลงวิธีการทํางานจากประสบการณ์ที่พบเจอ
- E-Enabling Technology กลุ่มธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการสร้างความเป็นไปได้หรือศักยภาพใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาให้กับผู้บริโภคได้ตรงจุด รวมไปถึงการปรับปรุงกระบวนการหรือประสิทธิภาพภายในองค์กรและนอกองค์กร
- E-Eco-Innovation กลุ่มธุรกิจที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ หรือกระบวนการใหม่ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและมีส่วนช่วยในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
- C-Creative Powerhouse กลุ่มธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่สร้างนวัตกรรมที่โดดเด่นด้วยความคิดสร้างสรรค์เป็นพลังแห่งการเติบโตและประสบความสําเร็จทางธุรกิจ
หนังสือ The Founder จึงมิใช่เป็นความอยู่รอดของธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการดูแลสังคม ดูแลคนที่ไม่ได้มีโอกาสเท่ากับอีกหลายๆ คน ด้วยประโยชน์ ที่ผู้อ่านจะได้รับเป็นเรื่องของการสร้างบุคคลต้นแบบ ซึ่งนอกจากเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจแล้ว ภาพถ่ายจะช่วยสร้างพลังและสร้างการจดจำ นี่คือสิ่งที่เราอยาก สื่อสารออกไปจากหนังสือเล่มนี้